ไขมันเกาะตับ เกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน ??

ผู้ที่ตรวจเลือดและทราบว่าตัวเองมีไขมันสูงมาหลายปี แล้วยังปล่อยไว้ไม่รักษา
กว่า 70% จะเริ่มมีภาวะไขมันเกาะตับในเวลาต่อมา
โรคนี้เป็นโรคอันตราย (ยังมีคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้อยู่มาก)

#ไขมันเกาะตับ แปลตรงตัวก็คือ ภาวะที่ตับเต็มไปด้วยไขมันเกาะอยู่ ถ้าปล่อยไว้ ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิต ก็จะทำให้เป็นเรื้อรัง และเกิดการอักเสบ ผลที่ตามมาคือเริ่มดื้อต่ออินซูลิน มีโอกาสเป็นเบาหวาน หรือตับอักเสบเรื้อรัง และอาจจะลงเอยที่ตับแข็ง

➡ สาเหตุหลักของของไขมันเกาะตับ มักมาจากแป้ง น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต ไม่ใช่ไขมันเ้ป็นหลัก ❌
➡ การกินแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันส่วนใหญ่ของหน้าท้องและตับ
➡ ทางออกและทางป้องกันที่ดีคือ ควบคุมอาหาร ลดแป้ง น้ำตาล และอาหารขัดสี และทางที่ดีควรหาตัวช่วยบำรุงสุขภาพ รวมถึงออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

โรคไขมันเกาะตับเกิดจาก

1. ภาวะอ้วนลงพุง ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ไขมันในร่างกายไปเกาะที่ตับ
2. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
3. ยาบางชนิด
4. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อาจรู้สึกอ่อนเพลีย จุกแน่นชายโครงขวาเล็กน้อย โดยมากจะพบโดยการตรวจเลือดพบค่าเอนไซม์ตับมีการอักเสบเล็กน้อย (ค่า ALT , AST สูงขึ้น) ซึ่งยืนยันการวินิจฉัยได้โดยการทำอัลตราซาวตับจะพบไขมันเกาะตับ หรือบางรายหากทำอัลตราซาวปกติและหาสาเหตุอื่นๆของตับอักเสบไม่พบ อาจต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยการเจาะชิ้นเนื้อตับหรือสแกนตับด้วยเครื่องไฟโบรสแกน

ความสำคัญ
1. เพิ่มความเสี่ยงของตับแข็งและมะเร็งตับมากกว่าคนปกติ
2. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และเพิ่มอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ และมะเร็งที่อื่นๆนอกเหนือจากตับ

การรักษา
1. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารโดยลดของมัน ของทอด แป้ง ขนม ของหวาน ข้าวเหนียว หรือผลไม้รสหวานในปริมาณมาก
2. ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ความเหนื่อยปานกลาง ชนิดไหนก็ได้
3. เป้าหมายคือลดน้ำหนักในคนที่อ้วน โดยต้องลดอย่างน้อย 7-10% จากน้ำหนักอ้วนสุดภายในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ไขมันถึงจะสลายออกจากตับ
4. เลิกดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

5. ใช้ตัวช่วยอย่าง ตำรับสมุนไพรสกัด 22 ชนิด ตรีผลาForte ช่วยให้ลดลงเร็วขึ้น ล้างจากข้างในที่ต้นเหตุ

 

Scroll to Top